วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Lamour's :: จากโกโก้ สู่ ช็อกโกแลต

ผลโกโก้
ที่มา :: http://www.tropicalfruitnursery.com/fruitproducts_c1.htm

ในหนึ่งปีต้นโกโก้ที่มีการเจริญเต็มที่อาจจะมีดอกประมาณ

6000 ดอก แต่มีฝักโกโก้ (ผลโกโก้: cacao pod) เพียง 20 ฝัก

ภายในฝักจะมีเมล็ดโกโก้ (cacao seed หรือ cacao bean) อยู่ข้างใน

เมล็ดโกโก้ที่ถูกแกะออกมาจากผลแล้ว จะนำไปผ่านกระบวนการหมัก


เป็นเวลา 5-6 วัน เซลล์สืบพันธุ์ (germ)ที่ติดอยู่กับเมล็ดโกโก้จะตายไป


ทำให้เมล็ดโกโก้เกิดรูพรุนและมีสีน้ำตาล  (น่าสงสาร)


นอกจากนี้ในขั้นตอนการหมักช่วยทำให้ความขมลดลง



และทำให้เกิดกลิ่นที่ดีขึ้น แล้วเอาไปตากให้แห้ง


ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดระดับความชื้น


จาก 60% ให้เหลือเพียงประมาณ 7% ต่อมาจะถูกนำไปทำความสะอาด


คัดคุณภาพ เมล็ดโกโก้แห้งจะถูกนำมาคั่วตั้งแต่ 10 นาที


ไปจนถึง 30 นาที ที่อุณหภูมิประมาณ 120-130 องศาเซลเซียส


ขั้นตอนการคั่วจะมีผลกระทบต่อรสชาติสุดท้ายของช็อกโกแลต


เมื่อคั่วเสร็จเปลือกที่ห่อหุ้มเมล็ดโกโก้อยู่จะถูกกำจัดออก


โดยการร่อนและใช้ลมเป่า ส่วนที่เหลือถูกเรียกว่า Cacao kernel


หรือ Cacao nib 

cacao nib
ที่มา : http://inpursuitoffood.wordpress.com/2011/02/03/cacao-nibs/

Cacao nib ถูกนำไปบดด้วยความเร็วสูงและที่อุณหภูมิสูงด้วยเช่นกัน

เพื่อทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำน้ำตาล หนืด เรียกว่า cacao liquor หรือ

cacao liquor หน้าตาประมาณนี้ล่ะ
ที่มา :: http://tuscanychic.com/page/2
cacao paste ซึ่งมีไขมันโกโก้(cocoa butter)

เป็นองค์ประกอบประมาณ 53-55 %

cacao liquor ยังไม่มีรสชาติที่หวานและ

ความขมยังค่อนข้างสูงจึง

ไม่เหมาะต่อการรับประทาน จึงถูกนำไป

อัดใส่บล็อครูปสี่เหลี่ยมให้เป็นแท่ง สำหรับนำไปใช้ในอุตสาหกรรม

และการทำอาหารบางชนิด
cocoa butter (มีแบบDarkด้วยนะ)
ที่มา :: http://www.organicshamanic.
eu/index.php?cPath=22

รวมทั้งถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหลักของ

การผลิตช็อกโกแลตสำหรับทาน

การผลิตช็อกโกแลตนอกจากมี cacao liquor

เป็นวัตถุดิบหลักแล้ว

ยังต้องเติมส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่ น้ำตาล

ไขมันโกโก้ (cocoa butter) ซึ่งเป็นไขมันที่สกัดมาจากเมล็ดโกโก้

เมื่อนำส่วนผสมดังกล่าวมาคลุกเคล้ากันแล้ว ก็นำไป counching

 

ที่มา :: http://www.student.chula.ac.th/~51370690/method%20.htm


counching เป็นกระบวนการที่ทำให้อนุภาคของน้ำตาลและโกโก้

มีขนาดเล็กเกินกว่าที่ลิ้นของเราจะสัมผัสกับอนุภาคเหล่านั้นได้

ซึ่งทำได้โดยการบดด้วยลูกกลิ้ง ดังนั้นเมื่อเราทานช็อdโกแลต

จึงทำให้รู้สึกว่าเนื้อช็อdโกแลตนั้นนุ่มเรียบ

ช็อกโกแลตที่มีคุณภาพสูงต้องใช้กระบวนนี้ถึง 3 วัน

ส่วนช็อกโกแลตที่มีคุณภาพต่ำใช้เวลาเพียง 6 ชม.

ในขั้นตอนนี้อาจเติมสารปรุงกลิ่นรสต่างๆ เช่น วานิลลา,อบเชย

(ชื่อภาษาอังกฤษสุดหรู เรียก ซินนาม่อน Cinnamon)   เพื่อเพิ่มความหอมอร่อยยิ่งขึ้น



 ช็อกโกแลตจะถูกเก็บไว้ในถังซึ่งต้องควบคุมอุณหภูมิไว้ประมาณ

45-50 องศาเซลเซียส เพื่อรอนำไปขึ้นรูปเป็นรูปแบบต่างๆรลดอุณหภูมิ

เพื่อให้ช็อกโกแลตมีรูปร่างคงที่ตามต้องการก่อนที่จะบรรจุ

และนำจำหน่าย
.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น